คริสเตียโน โรนัลโด
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ข้อมูลส่วนตัว | ||
---|---|---|
ชื่อเต็ม | กริชเตียนู รูนัลดู ดูช ซังตูช อาไวรู | |
วันเกิด | 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1985 | |
สถานที่เกิด | ฟุงชาล, มาเดรา ประเทศโปรตุเกส | |
ส่วนสูง | 185 ซ.ม. (6 ฟุต 1 นิ้ว)[1] | |
ชื่อเล่น | รอนนี่, รอน, ร็อกเกต โรนัลโด, ซีอาร์ 7, บัซซ์, หนูโด้ | |
ตำแหน่ง | ปีกขวา, กองหน้า | |
ข้อมูลสโมสร | ||
สโมสรปัจจุบัน | เรอัลมาดริด | |
หมายเลข | 7 | |
สโมสรเยาวชน | ||
Andorinha CD Nacional Sporting CP | ||
สโมสรอาชีพ* | ||
ปี | สโมสร | ลงเล่น (ประตู) |
1999-2003 2003-2009 2009- | สปอร์ติงลิสบอน แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เรอัลมาดริด | 31 (5) 291 (118) 145 (145) |
ทีมชาติ** | ||
2003 - ปัจจุบัน | โปรตุเกส | 62 (22) |
* นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้ทีมสโมสร นับเฉพาะลงเล่นในประเทศ ข้อมูลล่าสุดวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 2009 ** นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้ทีมชาติ ข้อมูลล่าสุดวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2009 |
ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 มีการจัดอันดับตำแหน่งนักเตะรูปงามแห่งยูโร 2008 จัดทำโดยแอลจี บริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า คริสเตียโน โรนัลโดได้รับคะแนนโหวตครั้งนี้เป็นอันดับ 1
ประวัติ
คริสเตียโน โรนัลโด เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 ที่เกาะมาเดรา ประเทศโปรตุเกส เป็นบุตรชายของนายชูเซ ดีนิช อาไวรู (เสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ. 2548 ขณะมีอายุ 52 ปี) กับนางมาเรีย ดูโลริช อาไวรู เป็นบุตรชายคนเล็กในพี่น้อง 4 คน ถึงแม้ตอนเกิดเขาจะคลอดก่อนกำหนดแต่ก็มีน้ำหนักสมบูรณ์ถึง 8 ปอนด์ที่มาของชื่อโรนัลโดนั้น บิดาของเขาเป็นผู้ตั้งให้ โดยได้แรงบันดาลใจจากชื่อของ นายโรนัลด์ เรแกน อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบุคคลที่บิดาของโรนัลโดชื่นชอบตั้งแต่เรแกนยังเป็นนักแสดงอยู่[3]
ครอบครัวของโรนัลโดอาศัยอยู่ที่ย่านกิงตาดูฟาลเซา เขตซังตูอังตอนีอูของเมืองฟุงชาล ซึ่งเป็นเขตที่มีประชากรยากจนอาศัยอยู่มาก โรนัลโดเริ่มเล่นฟุตบอลที่นี่ ซึ่งในตอนเด็กเขาจะชอบเล่นฟุตบอลมาก บริเวณตามถนน พอตอนเขาอายุ 6 ขวบ เขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังในทีมชุดใหญ่ของ ทีม Andorinha โดยการชักชวนของญาติเขาที่อยู่ในทีมนี้ พอถึงปี พ.ศ. 2538 โรนัลโดย้ายไปอยู่กับทีม Nacional โดยมีการจ่ายค่าตัวเป็นชุดฟุตบอลและลูกบอล
นักฟุตบอลอาชีพ
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ฤดูกาล 2003-2006
โรนัลโด้ได้ย้ายมาอยู่กับ สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 12.5 ล้านปอนด์ ใน ฤดูกาล 2002–03 โรนัลโด้ใช้เวลาไม่นานนักในการปรับตัวให้เข้ากับพรีเมียร์ลีก และผลงาน 8 ประตู จากการลงสนาม 39 นัด ซึ่งรวมถึงประตูแรกในรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพกับมิลล์วอลล์ ก็ทำให้เขาได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Sir Matt Busby Player of the Year) ประจำฤดูกาล 2003/04 โรนัลโดกับการพาทีมชาติโปรตุเกสผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในศึกยูโร 2004 ก่อนพ่ายให้กับ กรีซในฤดูกาลที่ 2 ของโรนัลโดกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ฟอร์มไม่ดีเท่ากับปีแรก หลังจากที่จบฤดูกาลด้วยการลงสนาม 50 นัด แต่ทำได้แค่ 9 ประตู ในฤดูกาล 2005/06 โรนัลโดก็เรียกฟอร์มเก่งของตัวเองมาได้อีกครั้งในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง ด้วยการทำ 12 ประตู จากการลงสนาม 47 นัด
โรนัลโดคว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของฟิฟโปร (FIFPro Special Young Player of the Year 2005) ซึ่งเป็นรางวัลเดียวที่ให้แฟน ๆ เป็นผู้ลงคะแนนโหวตตัดสิน และในปีเดียวกันเขาก็ได้อันดับที่ 20 ในตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่าด้วย
ฤดูกาล 2006–2009
ในศึกฟุตบอลโลก 2006 โรนัลโดถูกแฟนบอลอังกฤษรุมโห่ไล่หลังจากที่มีส่วนทำให้เวย์น รูนีย์ เพื่อนร่วมทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ต้องถูกไล่ออกในเกมที่อังกฤษพบกับโปรตุเกส โรนัลโดถูกสื่อในอังกฤษกดดันและต่อว่า อย่างไรก็ดีโรนัลโดยังคงเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด[5]เมษายน 2007 คริสเตียโน โรนัลโด คว้ารางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยม และผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปี 2007 ของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษหรือพีเอฟเอไปครอง โดยเป็นผู้เล่นรายที่ 2 ในประวัติศาสตร์ที่สามารถคว้ารางวัลเกียรติยศทั้งสองมาครอบครองในเวลาเดียวกัน หลังโชว์ฟอร์มสุดยอดมาตลอดฤดูกาลนี้โดยก่อนหน้านี้ แอนดี เกรย์ เคยทำได้เมื่อปี 1977 หรือ ราว 30 ปีก่อน [6]
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 2009 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดยอมรับว่า ได้รับข้อเสนอการซื้อตัวจากสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด ด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์ ซึ่งก็ปรากฏว่าโรนัลโดก็มีความต้องการที่จะออกจากคลับเช่นกัน โดยเขาได้ตกลงย้ายออกไป การซื้อตัวครั้งนี้ถือเป็นสถิติค่าตัวแพงที่สุดในโลก[7]
โดยผลงานของโรนัลโด้ได้ลงเล่นเป็นตัวจริง 299 นัด ทำประตูได้ 118 ประตู
เรอัล มาดริด
ฤดูกาล 2009-10
ในวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ. 2009 สโมสรฟุตบอลเรอัล มาดริด ได้ซื้อตัวโรนัลโด้มาด้วยค่าตัวถึง 80 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นสถิติการซื้อนักฟุตบอลที่แพงที่สุดในโลก จาก สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในประเทศอังกฤษ เขาได้รับตำแหน่งสวมเสื้อเบอร์ 9 โดยในฤดูกาลนี้โรนัลโด้ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมโดยได้ลงเล่นเป็นตังจริงทั้งหมด ถึง 35 นัด ทำประตูไปได้ 33 ประตู ซึ่งครองดาวซัลโวสูงสุดของ ลาลีกา ในฤดูกาลนี้ โดยโรนัลโด้ได้ถูกเล่นในตำแหน่ง กองหน้า และบางครั้งเขาอาจจะเล่นในตำแหน่ง ปีกขวา โรนัลโด้ทำประตูแรกตั้งแต่มาอยู่กับเรอัล มาดริดคือในนัดที่เจอกับ สโมสรฟุตบอลอัตเลตีโกมาดริด โดยเรอัล มาดริดชนะไป 2-0 และในวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 2009 โรนัลโด้ได้ยิงลูกฟรีคิกระยะใก้ลถึงสองครั้งในนัดที่เจอกับ เอฟซี ซูริช โดยเรอัล มาดริดชนะไป 5-2 ในเกมส์ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มฤดูกาล 2010-11
พอเข้าสู่ฤดูกาลที่ 2 ของโรนัลโด้ เขาได้ถูกเปลี่ยนเบอร์ของเสื้อจากเบอร์ 9 เป็นเบอร์ 7 และได้เปลี่ยนผู้จัดการทีมมาเป็น โชเซ มูรีนโย ผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกสที่รู้จักในตัวของโรนัลโด้เป็นอย่างดี ในวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 2010 ในนัดที่เรอัล มาดริดเจอกับ ราซิงเดซานตันเดร์ โดยโรนัลโด้ทำประตูไปได้ถึง 4 ประตู ทำให้เรอัล มาดริดชนะไป 4-0 แล้วในนัดที่เจอกับ สโมสรฟุตบอลบารเซโลนา โดยเรอัล มาดริดไปเยือนที่ คัมป์นู แพ้ไป 5-0 ซึ่งโรนัลโด้ก็ได้มีจังหวะยิงหลายครั้ง แล้วหลังจ่ากในนัดนั้น เรอัล มาดริดได้เปิดบ้านพบกับ แอทเลติกบิลบาโอ โดยในนัดนั้นโรนัลโด้เกือบทำ แฮตทริก ได้โดยเขายิงไป 5 ประตู ในช่วงเวลาต่างกันไม่เกิน 6 นาที ทำให้ชนะไป 6-1 และในช่วงปลายปี ค.ศ. 2010 เขาได้ทำเกือบทำซุปเปอร์แฮทตริกเป็นครั้งแรกในตัวของเขาโดยในถ้วย โกปาเดลเรย์ กับ สโมสรฟุตบอลเลบันเต โดยโรนัลโด้ทำไป 5 ประตู และ แฮตทริก ของ คาริม เบนเซมา ทำให้เรอัล มาดริดชนะไป 8-0ที่มา:http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%82%E0%B8%99_%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B9%82%E0%B8%94
https://www.google.co.th/